ไพ่ The Moon : ไพ่พระจันทน์
ความหมายโดยรวม : คนที่ได้ไพ่ใบนี้ให้ระวังคนนินทาว่าร้ายใส่ร้ายป้ายสี หรือถูกเขาหลอก ความผิดหวังหรือไม่ได้เป็นดังคาดหมาย ตลอดจนการเสียเปรียบในเรื่องต่างๆ เช่น การเสียเปรียบในการทำเอกสารสัญญา
การงาน : บรรยากาศอืมครึม อาจโดนเพื่อนร่วมงานกลั่นแกล้ง ทำให้ยุ่งยากใจ หนักใจ มีโอกาสเปลี่ยนงานใหม่ได้
การเงิน : ไม่คล่องตัว อาจโดนโกง เสียผลประโยชน์ หรือถูกกล่าวหาว่าร้ายเรื่องเงินๆทองๆ
สุขภาพ : มีเหตุทำให้ทุกข์ใจ การปวดบวม เนื้องอก ซีสต์ ระวังเรื่องความเครียด
ความรัก : มีเรื่องทำให้ผิดหวัง โดนหลอก หาความจริงไม่ได้ มีคนยุยงทำให้แตกแยก เหงา
โชคลาภ : ไม่มี
Overall Meaning: The people who got this card to watch out for the gossip, be deceived, or disadvantage in making contract documents
Job: Maybe bullied by colleagues, makes troubling, have a trend to change jobs.
Finance: Not flexible, may be cheated, lose benefits.
Health: Cause distress, pain, swelling, tumors, stress
Love: There are disappointments, being deceived, heartbreaking
Fortune: no
เทพปกรณัมตัวแทนของไพ่ :
เทพีอาร์เทมิส (Artemis : ชื่อกรีก) หรือเทพีไดอาน่า (Diana : ชื่อโรมัน) เป็นเทพีแห่งดวงจันทร์ (Moon หรือ Lunar ) เทพเจ้าแห่งการล่าสัตว์ เทพีแห่งความรักทางใจ เทพีแห่งการคลอด พรหมจรรย์และผู้พิทักษ์หญิงสาว ผู้บรรเทาโรคในหญิง มีกวางและต้นไซปรัสเป็นสัตว์และพืชศักดิ์สิทธิ์
พระองค์เป็นบุตรีของเทพซูสกับพระนางแลโตนา หรือลีโต (Latona ,Leto) ธิดาของเทพอสูรไตตันซีอัสกับนางฟีบี อีกทั้งเธอยังเป็นแฝดผู้พี่กับเทพอพอลโลของกรีกซึ่งเป็นเทพแห่งพระอาทิตย์และการดนตรี เทพฝาแฝดทั้งสองถูกปองร้ายตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดา เพราะเทพีเฮราซึ่งเป็นมเหสีเอกของเทพซุสเกลียดชังชายาน้อยของสวามีจอมเจ้าชู้ จึงลามไปถึงบุตรที่เกิดจากอนุเหล่านั้นด้วย พระนางสาปนางแลโตนาว่า “จะไม่สามารถคลอดบุตรบนแผ่นดินใดได้เลย” อีกทั้งยังส่งงูร้าย ไพธอน (Python) ให้ตามฉกนางตลอดเวลา นางประสบเคราะห์กรรมอย่างน่าสงสารเพราะไปที่ใดก็ไม่มีใครต้อนรับ ด้วยต่างกลัวเกรงอาญาของเทพีเฮรา ทั้งต้องหลบหนีงูร้ายจนอยู่ไม่เป็นสุข และเทพซุสก็กลัวเทพีเฮราเกินกว่าจะช่วยเหลือนางแลโตนากับบุตรในครรภ์
กระทั่งครบกำหนดคลอด นางแลโตนาเจ็บปวดทุกข์ทรมานปางตายเพราะไม่อาจคลอดบุตรได้ ทำให้เทพโพไซดอนเกิดความสงสาร จึงบันดาลเกาะดีลอส (Delos) ให้โผล่ขึ้นกลางทะเลไม่ติดต่อกับแผ่นดินใด นางแลโตนาจึงสามารถประสูติเทพฝาแฝด เทพีอาร์เทมิส และเทพอพอลโล ออกมาอย่างปลอดภัย อาร์เทมิสเกิดก่อน แถมเมื่อเกิดมาแล้วยังช่วยแม่ทำคลอดน้องชายต่อเสียด้วย(การเกิดของเทพเกิดแบบโอปะปาติกะคือเกิดแล้วโตเลย) ทันทีที่ประสูติออกจากครรภ์ เทพอะพอลโลก็ฆ่างูไพธอนตาย จนได้นามอีกว่า ไพธูส เมื่อเทพทั้งสองประสูติเทพบิดาซุสจึงอัญเชิญเทพทั้งสองขึ้นเป็นเทพบนเขาโอลิมปัส และคลายความหมางใจระหว่างเทพีเฮรากับเทพฝาแฝดจนเป็นผลสำเร็จ
เทพอะพอลโลถูกสถาปนาขึ้นเป็นสุริยเทพ คุมรถม้าพระอาทิตย์เดินทางรอบโลกให้แสงสว่างแก่มวลมนุษย์ในเวลากลางวัน ส่วนเทพีอาร์ทิมิสถูกสถาปนาเป็นจันทราเทวี คุมรถม้าสีเงินคือพระจันทร์ ให้แสงสว่างนำทางมวลมนุษย์ในยามค่ำคืน ทั้งสองฝาแฝดรักใคร่กันมากและมีความชำนาญในด้านธนูเช่นเดียวกัน โดยธนูของเทพอะพอลโลจะแม่นยำร้อนแรงดังแสงอาทิตย์ ผิดกับเทพีอาร์ทิมิสซึ่งปลิดชีพผู้ต้องศรอย่างนุ่มนวลราวแสงจันทร์ จนดูคล้ายกับคนที่นอนหลับไปเท่านั้น
อาร์เทมิสได้เห็นความทุกข์ทรมานของผู้เป็นแม่ ที่นางคลอดลูกยากจนแทบจะเอาชีวิตไม่รอด ในเวลาที่ประสูติเทพีอาร์ทิมิสก็ซึมซับความรู้สึกถึงความเจ็บปวดทุกข์ทนอย่างใหญ่หลวงของมารดานั้นได้ อีกทั้งพระองค์ได้เห็นเทพีแลโตนาผู้เป็นมารดาจำต้องอดทนอยู่กับความทุกข์ที่ต้องฝันฝ่าอุปสรรคความรักที่ลิขิตให้มาเป็นพระชายาน้อยของเทพซีอุสโดยมีเทพีเฮร่าคอยตามรังควาญ ด้วยเหตุนี้จึงทำให้พระเทพีกลัวการออกเรือน รังเกียจการวิวาห์ ไม่เชื่อในความรัก และไม่ต้องการคู่ครอง เธอจึงทูลขอให้เทพซูสอย่าได้ให้เธอแต่งงานกับใคร เทพีอาร์ทิมิสวิงวอนให้เทพซุสสาบานว่าจะไม่ให้พระนางสมรสไม่ว่ากรณีใด และให้พระนางเป็นเทพีผู้ครองพรหมจรรย์ ซึ่งเทพซุสก็สาบานโดยให้แม่น้ำสติกซ์ซึ่งไหลรอบนรกเป็นพยาน ในตำนานของกรีกนั้นกล่าวว่าเทพีอาร์ทิมิสทรงสาบานตนเป็นเทพีพรหมจารีย์ร่วมกับเทพีอะธีน่าและเทพีเฮสเทียต่อหน้าแม่น้ำสติกซ์ เทวีขอประทานนางอัปสรโอเชียนิค 60 กับอัปสรอื่นอีก 20 ซึ่งล้วนแต่ไม่ยินดีในการวิวาห์ เป็นบริวารติดสอยห้อยตาม
โดยตำนานกล่าวว่า อาร์ทิมิสขณะมีพระชนมายุได้ 3 พรรษา ได้ทูลพร 6 ข้อแก่เทพซูส ได้แก่
- ให้พระนางครองพรหมจรรย์ตลอดกาล
- ให้พระนางมีหลายนามเพื่อแยกกับพระอนุชา อะพอลโล
- ให้ทรงเป็นผู้นำมาซึ่งแสงสว่าง
- ขอธนูและลูกธนู กับฉลองพระองค์คลุมรัดเอวเสมอพระชานุ (เข่า) เพื่อที่พระนางจะได้ล่าสัตว์ได้สะดวก
- ขอ “ธิดาแห่งโอเชียนิค” 60 ตน ซึ่งทุกตนอายุได้ 9 ปี เพื่อเป็นนักร้องประสานเสียงของพระนาง
- ขอ นิมฟ์แอมนิซิเดส (Amnisides) 20 ตนเป็นสาวใช้คอยเฝ้าหมาและธนูของพระนางระหว่างที่ทรงพักผ่อน
พระนางไม่ประสงค์ให้มีนครใดอุทิศแด่พระนาง แต่ประสงค์ปกครองภูเขา และความสามารถช่วยหญิงในความเจ็บปวดแห่งการคลอด
ตามคำบอกเล่าว่ากันว่า เทพีอาร์เทมิสมีรูปกายงดงามเป็นที่น่าเคารพและถือเป็นเทพีแห่งแสงจันทร์ แต่ก็ยังพบว่าบางตำนานมีการกล่าวถึงเทพีอาร์เทมิสในอีกรูปแบบว่าพระองค์นั้นมีความโหดเหี้ยมและจ้าวอารมณ์มาก ดังเช่นตัวอย่างต่อไปนี้
กล่าวถึงตำนานของนายพราน “แอคเตียน” ที่บังเอิญพลัดหลงเข้าไปในป่าต้องห้าม เขาผู้นี้บังเอิญไปเจอเทพีอาร์เทมิสที่กำลังอาบน้ำเข้า ด้วยความงามของเทพีอาร์เทมิส ที่มีผิวขาวนวลเหมือนแสงจันทร์ เส้นผมเปล่งประกายคล้ายทองคำที่ถูกส่องด้วยแสงอาทิตย์ ทำให้นายพรานหนุ่มแอบดูอยู่ในพุ่มไม้บริเวณใกล้ๆนั้นแบบไม่วางตา โชคร้ายที่พระเทพีได้เหลือบไปเห็น เทพีอาร์เทมิสพิโรธเป็นอย่างมากที่ถูกแอบถ้ำมอง จึงใช้มือตักน้ำขึ้นมาสาดไปถูกนายพราน เมื่อนายพรานโดนน้ำก็กลายร่างไปเป็นกวางป่า กวางพยายามวิ่งหนีอย่างสุดกำลัง แต่บังเอิญได้ไปพบกับสุนัขล่าเนื้อของตนเข้า สุนัขออกตามไล่กัดนายพรานผู้เป็นเจ้าของเพราะไม่รู้ว่ากวางคือนายของตนเอง และสุดท้ายนายพรานหนุ่มก็ต้องเสียชีวิตลงเนื่องจากถูกสุนัขล่าเนื้อของตนสังหารอย่างน่าเวทนา
ครั้งต่อมาได้กล่าวถึงชายหนุ่มที่มีชื่อว่า “แอดมีทัส” (Admetus) เป็นสาวกที่มีหน้าที่ในการถวายเครื่องสักการะแด่องค์ ครั้งหนึ่งเขามัวปลื้มใจที่จะได้แต่งงานกับสาวงามและยุ่งวุ่นวายกับการจัดงานสมรสของตน จึงหลงลืมที่จะถวายเครื่องสักการะบูชา เทวีก็ทรงกริ้ว บันดาลให้ห้องหอของแอดมีทัสมีแต่งูพิษเต็มไปหมด
เรื่องเล่าต่อมากล่าวถึงพระราชาที่มีชื่อว่า “ท้าวโอนีอัส” (OeNeus) ผู้ครองเมืองคาลีดอน เกิดลืมถวายพืชผลที่เก็บเกี่ยวจากไร่นาของพระองค์เป็นครั้งแรกตามธรรมเนียม ทำให้พระเทพีเกิดอาการกริ้วเช่นเดิม และทรงบันดาลให้โคป่าบ้าคลั่งพุ่งเข้าทำลายเมืองคาลีดอนของพระราชาผู้นี้ มิหนำซ้ำเมื่อครอบครัวของราชาโอนีอัสออกไปปราบวัว ก็ถูกวัวสังหารตายเสียทั้งครอบครัว
เนื่องด้วยเทวีอาร์เทมิสรังเกียจการวิวาห์ จึงบังคับให้บริวารของตนไร้รัก และไร้คู่ตามไปด้วย หากผู้ใดฝ่าฝืนก็จะถูกเทวีอาร์เทมิสโทษอย่างทารุณ ดั่งเช่น “นางคัลลิสโต” ผู้เป็นนางไม้บริวาร นางสวยงามจนเทพซูสแอบหลงรัก เธอนั้นถูกเทพซูสจับไปปลุกปล้ำเป็นชายา และเนื่องจากเทพีอาร์ทิมิสไม่สามารถว่ากล่าวอะไรต่อเทพซูสผู้เป็นบิดาได้ เทพีอาร์เทมิสจึงไปลงมือเอากับนางไม้คัสลิสโตแทน(ซะงั้น) เทพีสาปให้นางกลายร่างไปเป็นหมี เคราะห์กรรมยังไม่หมดเท่านั้น พระโอรสที่เกิดจากนางคัสลิสโตกับเทพซีอุส ซึ่งไม่ทราบว่าพระมารดาของตนกลายเป็นหมีไปแล้ว ก็ได้ทำการสังหารหมีตัวนั้นตายกับมือ เมื่อมาทราบเอาภายหลังว่าหมีตัวนั้นคือแม่แท้ๆของตัวเอง เขาก็รู้สึกเสียใจเป็นอย่างมากจึงตัดสินใจฆ่าตัวตาย หลังจากที่เทพีอาร์ทิมิสทราบว่าพระองค์เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดเรื่องนี้ขึ้น เทพีอาร์ทิมิสจึงได้เนรมิตให้ทั้งสองแม่ลูกไปเกิดเป็นดวงดาวบนท้องฟ้า คือ ดาวดาวหมีใหญ่ กับดาวหมีเล็ก
กรรมที่ทำเขาไว้มากจึงเหนี่ยวนำให้พระองค์เกิดความรักขึ้นมาเองจนได้ และทำให้เทวีได้รับความเจ็บปวดทุกข์ทรมาน เนื่องจากสูญเสียคนอันเป็นที่รักไปถึงสองคน
โดยคืนหนึ่งขณะที่นางกำลังทรงราชรถเงิน (ดวงจันทร์) โคจรอยู่ในท้องฟ้า ก็แลเห็นชายเลี้ยงแกะ ชื่อ เอนดิเมียน (Endymion) กำลังนอนหลับอยู่บนทุ่งหญ้า อาร์เทมิสนึกชอบใจจึงแอบลงมาจูบเอนดิเมียนแล้วกลับขึ้นราชรถโคจรต่อไปตามหน้าที่ เอนดิเมียนรู้สึกตัวตื่นขึ้นก็คิดว่าตนเองฝันไปว่ามีนางฟ้าแอบลงมาขโมยจูบ ช่างเป็นความฝันอันแสนสุขเหลือเกิน และอยากฝันเช่นนี้ต่อไปอีก ชายหนุ่มเที่ยวออกตามหานางในฝันวันแล้ววันเล่า เมื่อเรื่องนี้รู้ไปถึงหูซูส พระองค์ไม่พอพระทัยเพราะอาร์เทมิสเป็นเทวีพรหมจารีจะปล่อยให้มีความรักคงไม่ดีแน่ เพื่อตัดหนทางที่จะทำให้เกิดเรื่องอื้อฉาว ซูสจึงลงมาหาเอนดิเมียน และยื่นคำขาดให้เลือกเอาระหว่างความตาย หรือนิทราตลอดกาลโดยไม่ฟื้นตื่นขึ้นมาอีกเลย เอนดิเมียนเลือกที่จะหลับไปตลอดกาล เพราะอย่างน้อยเขาก็อาจจะได้ฝันถึงนางฟ้าองค์ที่ลงมาขโมยจูบเขาได้อีกตลอดไป ซูสได้นำเอนดิเมียนไปไว้ที่ถ้ำในยอดเขาแลตมัส และสาปให้หลับไปตลอดกาล ตั้งแต่นั้นมาเมื่อพระจันทร์เคลื่อนผ่านยอดเขา แลตมัส อาร์เทมิสก็จะแอบลงมาจูบชายเลี้ยงแกะผู้น่าสงสารคนนี้ทุกๆคืน และเฝ้าดูแลฝูงแกะ ที่เจ้าหนุ่มทอดทิ้งไปเพื่อค้นหาเทวีให้อีกด้วย
ชายหนุ่มที่โชคร้ายคนต่อมาคือ โอไรออน (Orion) บุตรของโพเซดอนเทพแห่งท้องทะเล โอไรออนเป็นพรานป่า มีสุนัขคู่ใจตัวหนึ่งชื่อ ซิริอัส (Sirius) ครั้งหนึ่งโอไรออนได้พบกับคณะนางอัปสรพลียาดีส (Pleiades) คือพี่น้องนางอัปสร 7 นาง โอไรออนหลงรักพวกนาง แต่พวกนางตกใจกลัวและวิ่งหนี โอไรออนก็วิ่งตามไป เมื่อจวนจะทันกันพวกนางได้ร้องขอให้อาร์เทมิสช่วย อาร์เทมิสจึงแปลงร่างพวกนางเป็นนกพิราบขาว 7 ตัวบินขึ้นไปบนท้องฟ้ากลายเป็นกลุ่มดาวพลียาดีส ซึ่งคนไทยเรียกว่าดาวลูกไก่
โอไรออนมีความรักอีกครั้งหนึ่ง โดยการตกหลุมรัก “นางมิโรปี” ธิดาท้าวอีโนเปียนผู้ครองเกาะไคออส โอไรออนเพียรพยายามล่าสัตว์ไปกำนัลท้าวอีโนเปียน แต่เมื่อเอ่ยปากสู่ขอนางมิโรปีก็ถูกบ่ายเบี่ยงเรื่อยมาจนคิดจะฉุดนางมิโรปี แต่ท้าวอีโนเปียนรู้ทันจึงมอมเหล้าโอไรออนแล้วทำให้ตาบอดก่อนที่จะทิ้งไว้ริมทะเล เมื่อโอไรออนฟื้นขึ้นมาในสภาพตาบอดก็อาศัยการฟังเสียง เดินตามเสียงตีเหล็กของพวกยักษ์ไซครอปไปจนถึงถ้ำของพวกยักษ์ในเกาะเลมนอส ยักษ์ไซครอปตนหนึ่งสงสารจึงพาโอไรออนไปให้เทพอพอลโลรักษาดวงตา
เมื่อดวงตาหายสนิทแล้ว โอไรออนก็ออกล่าสัตว์ต่อจนกระทั่งพบอาร์เทมิส ทั้งคู่ชอบล่าสัตว์เหมือนกันจึงสนิทสนมกันอย่างรวดเร็วและออกล่าสัตว์ด้วยกันเสมอๆ เทพีอาร์ทิมิสหลงรักนายพรานหนุ่มและคิดที่จะสละความเป็นเทพีพรหมจารีย์เพื่อแต่งงานกับโอไรออน เทพอพอลโล่รู้ถึงความคิดนี้เข้า และกลัวว่าอาร์ทิมิสจะต้องรับโทษจากการผิดคำสาบานต่อหน้าแม่น้ำสติกซ์ จึงวางแผนที่จะล้มเลิกความคิดของพี่สาว โดยครั้งหนึ่งโอไรออนได้พูดโอ้อวดว่าตนสามารถฆ่าสัตว์ป่าทั้งหมดที่อยู่บนโลกนี้ได้ อพอลโลจึงนำความนี้ไปฟ้องเทวีแห่งผืนดินจีอา พระนางจีอาไม่พอใจโอไรออนถึงกับส่งแมงป่องไปฆ่าโอไรออน
โอไรออนไม่สามารถทำอันตรายแก่แมงป่องยักษ์ที่มีเกราะแข็งได้ แถมถูกแมงป่องต่อยที่ข้อเท้าบาดเจ็บ โอไรออนจึงหนีลงทะเลทำให้แมงป่องตามลงไปไม่ได้
อพอลโลเห็นดังนั้นก็ไปหาอาร์เทมิสที่กำลังซ้อมยิงธนูอยู่ห่างออกไป แล้วท้าให้อาร์เทมิสยิง “จุดเล็กๆที่ลอยอยู่กลางทะเล” อาร์เทมิสรับคำท้าและยิงเข้าเป้าอย่างแม่นยำ ครั้นคลื่นซัดสาดโอไรออนเข้าฝั่ง เทวีอาร์เตมิสจึงรู้ว่าได้สังหารคนรักด้วยมือของตนเองแล้ว จึงรู้สึกเศร้าเสียใจเป็นอย่างมาก เทพีจึงแปลงโอไรออน ให้กลายเป็นกลุ่มดาวนายพราน เพื่อที่จะได้อยู่กับนางตลอดไป พร้อมด้วย สายรัดเอว ดาบ และ กระบองคู่มือของเขา อยู่ในท้องฟ้าต่อจากกลุ่มดาวพลียาดีส (ดาวลูกไก่) และแปลงสุนัขของเขาให้กลายเป็น ดาวซิริอัส (กลุ่มดาวสุนัขใหญ่) อยู่ท้ายกลุ่มดาวโอไรออน
สำหรับแมงป่องศัตรูของโอไรออนนั้นก็ถูกนำขึ้นไปเป็นกลุ่มดาวแมงป่องบนฟ้าเช่นกัน แต่จัดไว้คนละฟากฟ้าเพื่อไม่ให้มาต่อสู้กันได้อีก โดยเมื่อกลุ่มดาวแมงป่องขึ้น กลุ่มดาวนายพรานก็จะตก และเมื่อกลุ่มดาวแมงป่องตกไปแล้วกลุ่มดาวนายพรานจึงจะขึ้นมาใหม่อีกครั้งทางทิศตะวันออก
ดังนั้นกลุ่มดาว นายพรานจึงเป็นกลุ่มดาวหน้าหนาว ในขณะที่กลุ่มดาวแมงป่องนั้นเป็นกลุ่มดาวหน้าร้อน
รูปสลักของเทวีอาร์ทิมิสของชาวกรีก เป็นหญิงสาวอรชรแต่แข็งแกร่ง แต่งกายไม่เหมือนเทวีองค์อื่น ๆ โดยนุ่ง กระโปรงสั้นเหนือเข่า ทั้งนี้เพื่อสะดวกในการล่าสัตว์นั่นเอง อาวุธที่โปรดปรานคือธนู มีหมีเป็นสัญลักษณ์ อุปนิสัยดี ๆ ในองค์ เทวีเท่าที่ค้นพบคือ ความรักในดนตรีและเล่นดนตรีต่าง ๆ ได้ไพเราะ เทวีชอบการร้องเพลงและเต้นรำ เหมือนน้องชายคือเทพอพอลโลนั่นเอง
กล่าวโดยสัมพันธ์กับตำนานและหน้าไพ่ยิปซี จะหมายถึงความรู้สึกทุกข์ทางอารมณ์ และผลกรรมที่สนองคืนจากการไปทำคนอื่นเขาไว้ก่อน หรือผลกรรมจากการที่เป็นคนเจ้าอารมณ์ ใจร้อนคิดเร็วทำเร็ว โกรธง่าย แต่ผลกระทบมักจะกระทบได้เฉพาะทางอารมณ์จะไม่ถึงกับเลือดตกยางออกหรือเสียทรัพย์ ซึ่งผู้ที่ได้ไพ่ใบนี้หนทางกันและแก้คือการเป็นคนใจเย็น มีสติ ปล่อยวาง ปัญหาต่างๆจะไม่เกิดหรือผ่านไปได้โดยง่าย
ความหมายของไพ่ต่างๆนี้กลั่นออกมาจากประสบการณ์ในการดูไพ่ส่วนตัว อาจจะไม่ตรงกับตำราบางเล่ม แต่ก็ไม่คลาดเคลื่อนออกไปจากหลักการโดยรวมค่ะ เพราะอาจารย์เองเวลาดูดวงจะอาศัยองค์ประกอบในหลายๆด้านโดยเฉพาะสิ่งที่เรียกกันว่า “สัมผัสที่หก” มาประกอบการดู อีกประการข้อความต่างๆในเว็บนี้ทั้งหมดสามารถแชร์ copy ไปใช้ได้โดยไม่จำเป็นต้องให้เครดิตอะไรก็ได้ค่ะ อาจารย์เชื่อมั่นในพลังของการให้โดยไม่หวังผล การให้สามารถเปลี่ยนแปลงโลกไปสู่สิ่งดีๆได้เสมอค่ะ
อ.หญิง : ID Line : 4588314
แฟนเพจ : ดูไพ่ยิปซี yipseedd.com
yipseedd.com